ประเภทของสารอาหาร
![]() |
สารอาหารครบ ๕ หมู่ |
ในแต่ละวันคนเราต้องทำกิจกรรมต่างๆ มากมายเริ่มตั้งแต่ตื่นนอน เราต้องอาบน้ำแปรงฟันหรือทำความสะอาดร่างกาย แต่งตัว เดินทางไปโรงเรียน ไปทำงาน เล่นกีฬา กิจกรรมเหล่านี้ล้วนต้องใช้พลังงานทั้งสิ้น ดังนั้น การทำงานเหล่านี้ต้องการพลังงานจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นพลังงานที่น้อยที่สุดที่จำเป็นต่อร่างกาย พลังงานที่ร่างกายต้องการได้มาจากสารอาหาร ๓ ประเภท ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน
๑. โปรตีน
โปรตีนจัดเป็นสารอาหารที่ให้พลังงาน โปรตีน ๑ กรัมให้พลังงาน ๔ กิโลแคลอรี โปรตีนเป็นส่วน ประกอบหลักของเนื้อเยื่อของร่างกาย , เอนไซม์ , ฮอร์โมน และยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเลือด และระบบภูมิคุ้มกันโปรตีนประกอบขึ้นจากกรดอะมิโนหลายๆชนิดแบ่งเป็น
๑.๑ กรดอะมิโนที่จำเป็น ( Essential amino acid ) คือกรดอะมิโนที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับเพิ่มเติมจากอาหาร
๑.๒ กรดอะมิโนที่ไม่จำเป็น ( Non-Essential amino acid ) คือกรดอะมิโนที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์เองได้
๒. คาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรตจัดเป็นสารอาหารที่ให้พลังงาน คาร์โบไฮเดรต ๑ กรัมให้พลังงาน ๔ กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรตแบ่งเป็น ๒ กลุ่มตามความสามารถในการละลาย (Solubility)
คาร์โบไฮเดรตที่ละลายได้ ( Soluble Carbohydrate)
คาร์โบไฮเดรตที่ลำไส้สามารถดูดซึมได้และควรเป็นส่วนประกอบส่วนใหญ่ของอาหารสำหรับสิ่งมีชีวิตเนื่องจากคาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นแหล่งพลังงานของเม็ดเลือดแดงและสมองดังนั้นร่างกายจึงจำเป็น ต้องได้รับคาร์โบไฮเดรตในระดับที่เหมาะสม
คาร์โบไฮเดรตที่ละลายไม่ได้ (Insoluble Carbohydrate)
ไฟเบอร์ในอาหาร ได้แก่ เซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส ลิกนิน เป็นต้น ไฟเบอร์ ทำหน้าที่ ควบคุมการทำงานของลำไส้ เช่นกรณีที่สิ่งมีชีวิตท้องเสีย ( การเคลื่อนไหวของลำไส้ มากกว่าปกติ ) ไฟเบอร์ จะช่วยลดการเคลื่อนไหว ของลำไส้ ทำให้การขับถ่ายเป็นปกติ กรณีที่สิ่งมีชีวิตท้องผูก ( การเคลื่อนไหว ของลำไส้ น้อยกว่า ปกติ ) ไฟเบอร์จะช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้ ทำให้สิ่งมีชีวิตขับถ่าย ได้ดีขึ้น นอกจาก ประโยชน์ ในการ ควบคุม การทำงานของ ลำไส้แล้ว ไฟเบอร์ยังเป็น ส่วนประกอบที่จำเป็นในอาหารของสิ่งมีชีวิตที่ใช้ควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนัก โดยไฟเบอร์จะช่วยทำให้สิ่งมีชีวิต เกิดความรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
๓. ไขมัน
ไขมันเป็นแหล่งพลังงานที่ให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรตประมาณ ๒.๕ เท่า นอกจากเป็น แหล่งพลังงานแล้ว ไขมัน มีความจำเป็น ในการ ดูดซึม , การเก็บและการขนส่งวิตามิน ที่ละลายในไขมัน (วิตามิน เอ , ดี , อี และ เค)
ไขมันจะช่วยเพิ่มความน่ากินของอาหาร ถึงแม้ว่า ไขมันในอาหาร จะเป็นแหล่งพลังงานที่ดีแต่ การที่สัตว์ กินอาหารที่มีปริมาณ ไขมันที่สูงเกินความต้องการ ก็จะทำให้เกิดโรคอ้วน ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยง ในการเป็นโรค หัวใจโรคตับ และโรคเบาหวาน ตามมา และ ในสุนัขพันธุ์ใหญ่ ที่อ้วน ก็มักจะ เกิดความผิดปกติ ของโครงสร้างกระดูก เนื่องจากความไม่สัมพันธ์กันระหว่าง น้ำหนักตัวกับโครงสร้างกระดูก
แหล่งที่มา : http://www.kr.ac.th/tech/det48m2/f002.html
สารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน
นอกจากสารอาหารประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันแล้ว ยังมีสารอาหารประเภทอื่น ๆ อีกที่นักเรียนกินเป็นประจำ ได้แก่ วิตามิน และแร่ธาตุ สารอาหารเหล่านี้เป็นที่ไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ร่างกายก็ขาดไม่ได้ วิตามินและแร่ธาตุมีคุณค่าและความจำเป็นต่อร่างกายมากน้อยเพียงใด นักเรียนจะได้ศึกษารายระเอียดต่อไป
๑.วิตามิน
สารอินทรีย์ที่จำเป็นต่อชีวิตและสุขภาพ วิตามินแม้จะไม่ใช่สารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายและร่างกายต้องการในปริมาณน้อย แต่ร่างกายจะขาดไม่ได้ถ้าขาดจะทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายผิดปกติ ตัวอย่าง เช่น การที่บีหนึ่งและสารอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ถ้าร่างกายขาดวิตามินบีหนึ่ง การเปลี่ยนกลูโคสให้เป็นพลังงานจะไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดโรคหรืออาการต่าง ๆ ได้ เช่น อ่อนเพลีย เป็นโรคเหน็บชาเป็นต้น
จากการทดสอบสมบัติในการละลาย วิตามินสามารถละลายได้ในตัวทำละลายต่างกัน ดังนั้นเราจึงแบ่งวิตามินออกเป็น ๒ ประเภทใหญ่ ๆ คือ
วิตามินที่ละลายได้ในไขมัน ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค
วิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ได้แก่ วิตามินบี และ วิตามินซี
วิตามินทั้ง ๒ ประเภทนี้มีอยู่ทั่วไปในอาหารชนิดต่างๆ ในปริมาณต่าง ๆ กันแหล่งอาหารที่ให้วิตามิน ประโยชน์ รวมทั้งโรคหรืออาการที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดวิตามินแต่ละชนิด นักเรียนสามารถศึกษาได้จากรูปและตารางต่อไปนี้
วิตามิน
|
แหล่งอาหาร
|
หน้าที่ / ประโยชน์
|
โรค/อาการเมื่อขาดวิตามิน
|
ละลายได้ในไขมัน
A
|
ตับ น้ำมันตับปลา ไข่แดง เนย นม ผักสีเหลืองหรือผักสีเขียวเข้ม และผลไม้บางชนิด
|
๑.ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูก
๒.ช่วยบำรุงสายตา
๓.รักษาสุขภาพของผิวหนัง
|
๑.เด็กไม่เจริญเติบโต
๒.มองไม่เห็นในที่สลัว
๓.นัยน์ตาแห้งหรือตาอักเสบ
๔.มีการเปลี่ยนแปลงของเนื้อตาขาวและตาดำ
๕.ผิวหนังแห้งและหยาบ
|
D
|
เนย นม ไข่แดง ตับ ปลา ที่มีไขมันมาก เช่น ปลาทูนา ปลาซาดีน เป็นต้น
|
ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ลำใส้เล็กเพื่อใช้สร้างกระดูกและฝัน
|
๑.เป็นโรคกระดูกอ่อนและผุในเด็ก
๒.เกิดรอยแตกในกระดูกและกระดูกผิดรูปร่างในผู้ใหญ่
|
E
|
ผักใบสีเขียวและไขมันจากพืชเช่น น้ำมัน ข้าวโพด ถั่ว -ลิสงมะพร้าวเป็นต้น
|
๑.ทำให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรง
๒.ช่วยป้องกันการเป็นหมันหรือแท้งบุตร
|
๑.เกิดโรคโลหิตจางในเด็กชายอายุ ๖ เดือน ถึง ๒ ขวบ
๒.เป็นหมัน อาจทำให้แท้งได้
|
K
|
ผักใบสีเขียวและเนื้อสัตย์
|
ช่วยให้เลือดเป็นลิ่มหรือแข็งตัวเร็ว
|
๑.เลือดแข็งตัวช้ากว่าปกติ
๒.ในเด็กแรกเกิดถึง ๒ เดือนจะมีอาการเลือดออกทั่วไปตามผิวหนัง
|
วิตามิน
|
แหล่งอาหาร
|
หน้าที่ / ประโยชน์
|
โรค/อาการเมื่อขาดวิตามิน
|
ละลายได้ในน้ำ
B1 |
ข้าวซ้อมมือ เครื่องในสัตย์ ตับ ถั่ว ไข่แดง มันเทศ ยีสต์
|
๑.ช่วยบำรุงระบบประสาทและการทำงานของหัวใจ
๒.ช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร การขับถ่าย และระบบกล้ามเนื้อ
|
๑.อ่อนเพลีย เบื่อาหาร
๒.การเจริญเติบโตหยุดชะงัก
๓.เป็นโรคเหน็บชา
|
B2
|
ไข่ นม ถั่ว เนื้อหมู ปลา ผักสีเขียว และผลไม้เปลือกแข็ง
|
๑.ช่วยในการเจริญเติบโตเป็นไปอย่างปกติ
๒.ทำให้ผิวหนัง ลิ้น ตา มีสุขภาพดี แข็งแรง
|
๑.ผิวหนังแห้งและแตก
๒.ลิ้นอักเสบ
๓.โรคปากนกกระจอก
|
B6
|
เนื้อ ตับ นม ถั่วลิสง ถั่วเหลือง เนื้อปลา
|
๑.ช่วยสังเคราะห์กรดอะมิโน
๒.ช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร ระบบประสาท
๓.ช่วยบำรุงผิวหนัง
|
๑.มีอาการบวม
๒.ปวดตามมือตามเท้า
๓.ประสาทเสื่อม
๔.คันตามผิวหนัง
ผมร่วง |
B12
|
ตับ ไข่ เนื้อปลา นม
|
๑.ช่วยในการสังเคราะห์ DNA
๒.ช่วยให้การเจริญเติบโตในเด็กเป็นไปอย่างปกติ
|
๑.เป็นโลหิตจาง
๒.เจ็บลิ้น เจ็บปาก
๓.เส้นประสาทไขสันหลังเสื่อมสภาพ
|
C
|
ผลไม้จำพวกส้ม ฝรั่ง มะละกอ ผักสด เข่นคะน้า กะหล่ำปลี มะเขือเทศ
|
๑.ช่วยรักษาสุขภาพของฟันและเหงือก
๒.ทำให้หลอดเลือดแข็งแรง
๓.ร่างกายแข้งแรง และ มีความต้านทานโรค
|
๑.เลือดออกตามไรฟัน
๒.เส้นเลือดฝอยเปราะ
๓.แผลหายช้า
๔.ภูมิคุ้มกันลดลง
๕.เป็นหวัดได้ง่าย
|